บอกเลยว่าอากาศร้อนเมืองไทยแบบนี้ แค่เดินออกจากบ้านไปซื้อของ 5 นาที เหงื่อก็ไหลแล้ว ยิ่งถ้าไปเที่ยวทะเล ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้แต่นั่งในรถที่โดนแดดส่อง กันแดดที่เพิ่งทาไปก็ค่อยๆ หลุดลอกไปกับเหงื่อแล้ว
ปัญหาเหล่านี้ทำให้หลายคนสนใจใช้ กันแดดกันน้ำ มากขึ้น เพราะนอกจากจะต้องใช้กันแดดที่ทนแดดเมืองไทยแล้ว ยังต้องกันน้ำ ทนเหงื่อ เพื่อการป้องกันแดดแบบเต็มที่
การเลือกซื้อกันแดดกันน้ำอาจดูไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่เป็นไร เพราะรวบรวมวิธีเลือกกันแดดกันน้ำสำหรับปี 2025 ไว้ให้แล้ว
เวลาเห็นระบุว่า "กันแดดกันน้ำ" แล้ว เคยสงสัยกันไหมว่าปกติเขาทดสอบการ "กันน้ำ" อย่างไร
การทดสอบการกันน้ำของครีมกันแดด ทำได้โดยทาครีมกันแดดลงแผ่นทดสอบ นำไปฉายรังสี UV เพื่อวัดค่ากันแดดเบื้องต้น แล้วนำแผ่นทดสอบไปแช่น้ำเป็นเวลา 40-80 นาที แล้วจึงนำไปฉายรังสี UV เพื่อวัดค่ากันแดดที่หลงเหลือหลังการแช่น้ำ แล้วนำไปคำนวณเทียบกับค่าก่อนแช่น้ำ
โดยหากค่า % Water Resistance Rate (%WRR) หรือค่าการทนน้ำมีมากกว่า 50% จะถือว่าผ่านการทดสอบกันน้ำ และสามารถเขียนหน้าฉลากว่า "Water Resistance" ได้ เช่นนั้นจึงควรเลือกใช้กันแดดกันน้ำที่ผ่านการทดสอบการกันน้ำจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลงน้ำ ว่าย หรือทำกิจกรรมที่เหงื่อออกเยอะ ควรทากันแดดเพิ่มเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่ายังป้องกันแสงแดดได้อย่างสม่ำเสมอ
เวลาเลือกกันแดดกันน้ำ ควรเลือกที่มีค่า SPF และ PA ที่สูง เพราะกันแดดกันน้ำต้องเผชิญกับการถูกชะล้างด้วยน้ำและเหงื่อตลอดเวลา ถึงแม้จะมีคุณสมบัติกันน้ำ แต่เมื่อใช้ไปสักพัก ก็ยังมีการหลุดลอกบางส่วนอยู่ดี
ถ้าเราเริ่มใช้กันแดดด้วยค่า SPF และ PA ที่สูง เมื่อกันแดดเริ่มหลุดลอกไปบ้างแล้ว ก็ยังเหลือประสิทธิภาพการป้องกันที่เพียงพอ จากการศึกษาพบว่า กันแดด SPF 100 ช่วยให้ผิวไหม้จากแดดช้ากว่ากันแดด SPF 50 อย่างชัดเจน ด้วยแสงแดดเมืองไทยที่มีค่า UV Index เฉลี่ย 11-12 ซึ่งถือว่าสูงมากตลอดทั้งปี ทางเราจึงแนะนำให้เลือกอย่างต่ำ SPF 50+ PA++++ สำหรับการใช้ในกิจกรรมกลางแจ้ง
แม้กันแดดกันน้ำจะทนกว่ากันแดดปกติ แต่การเติมกันแดดระหว่างวันทุก 4-5 ชั่วโมงก็ยังจำเป็น โดยเฉพาะหลังจากที่เล่นน้ำ ออกกำลังกายหนัก หรือใช้ผ้าเช็ดตัว
ปัญหาคือกันแดดครีมส่วนใหญ่เวลาจะเติมระหว่างวัน มักทายาก เพราะผิวชื้น หรือมีเมกอัพ ทำให้เกลี่ยไม่สม่ำเสมอ
การใช้กันแดดสเปรย์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะฉีดได้ง่าย ไม่ต้องใช้มือเกลี่ย และสามารถฉีดซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่รบกวนเมกอัพมากนัก แต่ต้องฉีดสเปรย์กันแดดให้ทั่วถึง และรอให้ซึมก่อนที่จะออกแดดต่อ
หลายคนคิดว่าการกันแดดคือการกันแค่รังสี UVA และ UVB แต่ความจริงแล้ว แสงแดดยังปล่อยแสงสีฟ้าที่มีพลังงานสูง หรือที่เรียกว่า "HEV light" (High Energy Visible light) ออกมาด้วย
แสงสีฟ้าชนิดนี้สามารถทะลุเข้าไปในผิวได้ลึกกว่ารังสี UV และสะสมความเสียหายในเซลล์ผิว ทำให้เกิดจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยได้เช่นกัน กันแดดกันน้ำรุ่นใหม่ที่ดีจึงควรมีการป้องกันแสงสีฟ้าด้วย ไม่ใช่แค่ป้องกันรังสี UV อย่างเดียว เพื่อการปกป้องที่ครอบคลุมมากขึ้น
รู้ไหมว่า แค่เลือกกันแดดกันน้ำดีๆ มายังไม่พอ ต้องใช้ให้ถูกวิธีด้วยถึงจะได้ผล เริ่มจากทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้สารกันแดดได้ซึมและทำงานเต็มที่
เรื่องปริมาณก็สำคัญมาก ใบหน้าใช้ประมาณครึ่งช้อนชา ส่วนแขนขาแต่ละข้างใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าใช้สเปรย์ให้ฉีดระยะใกล้ๆ ประมาณ 15-20 เซนติเมตร และฉีดหลายครั้งให้ทั่วถึง
สิ่งที่หลายคนมักลืมคือ การเติมทุก 2 ชั่วโมง หรือทันทีหลังลงน้ำ ไม่ว่าจะใช้กันแดดกันน้ำแบบไหนก็ตาม อย่าลืมจุดที่มักพลาด เช่น ใบหู หลังคอ หลังเท้า และริมฝีปาก
หลังจากที่เล่าเรื่องการเลือกกันแดดกันน้ำมาขนาดนี้ คงจะสงสัยกันแล้วว่า แล้วมีกันแดดกันน้ำไหนที่ครบครันทั้ง 4 ข้อที่เราพูดมา?
คำตอบคือ Claire Invisible Pro Sun Spray SPF 50+ PA++++ สเปรย์กันแดดตัวใหม่ที่ตอบโจทย์สายกิจกรรมกลางแจ้งได้เป๊ะ
ครบข้อ 1 - ผ่านการทดสอบกันน้ำจากมหาวิทยาลัยมหิดล ทนได้มากกว่า 40 นาที พร้อมค่า Water Resistance Rate 92.35% ซึ่งถือว่าสูงมาก
ครบข้อ 2 - ผ่านการทดสอบค่าการป้องกันรังสี UV SPF 50+ PA++++ พร้อมสู้แดดเมืองไทย
ครบข้อ 3 - ฉีดง่ายสุดๆ ไม่ต้องเกลี่ยด้วยมือ เติมระหว่างวันได้โดยไม่รบกวนเมกอัพ ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ครบข้อ 4 - มีเทคโนโลยี 3D Protection ที่ป้องกันทั้งรังสี UVA, UVB, Ultra-Long UVA และแสงสีฟ้า HEV Light ครบ 360 องศา
พิเศษกว่านั้นยังมีเทคโนโลยี Cooling Sensation ที่ทำให้รู้สึกเย็นสบายเมื่อโดนแดด เหมือนมีแอร์ส่วนตัวติดตัวไป และที่สำคัญ เป็นมิตรกับปะการัง ใช้แล้วไปดำน้ำหรือเล่นน้ำทะเลได้อย่างสบายใจ
การเลือกกันแดดกันน้ำให้ถูกใจ ต้องดู 4 ข้อนี้: ค่า SPF-PA สูง, ผ่านการทดสอบกันน้ำจริง, เติมง่ายระหว่างวัน, และป้องกันทั้งรังสี UV และแสงสีฟ้า ถ้าครบทั้ง 4 ข้อแล้ว รับรองว่าผิวของเราจะได้รับการปกป้องแบบเต็มที่ ลดโอกาสกลัวหน้าหมองหรือผิวไหม้แม้ออกแดดทั้งวัน
สั่งผ่านช่องทางออนไลน์
Line OA: https://lin.ee/aCH1I43
Shopee: https://shope.ee/5fPQDg8DU6
Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/claireskin-by-slc
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Facebook: ClaireSkin-Thailand
Line: @CR88 หรือคลิก https://lin.ee/aFq9CKU
Williams, J. D., Maitra, P., Atillasoy, E., Wu, M. M., Farberg, A. S., & Rigel, D. S. (2018). SPF 100+ sunscreen is more protective against sunburn than SPF 50+ in actual use: Results of a randomized, double-blind, split-face, natural sunlight exposure clinical trial. Journal of the American Academy of Dermatology, 78(5), 902–910.e2. https://doi.org/10.1016/j.jaad.2017.12.062
Lim, H. W., Kohli, I., Ruvolo, E., Kolbe, L., & Hamzavi, I. H. (2022). Impact of visible light on skin health: The role of antioxidants and free radical quenchers in skin protection. Journal of the American Academy of Dermatology, 86(3S), S27–S37. https://doi.org/10.1016/j.jaad.2021.12.024
ประกาศคณะกรรมการเครื่องสําอาง เรื่อง การแสดงค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดด ของเครื่องสําอางที่มีสารป้องกันแสงแดด พ.ศ. 2560. (2560, 7 พฤษจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนพิเศษ 272 ง. หน้า 10. https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/272/10.PDF